20th CHAOS
ตอนเช้าเราออกจากบางแสนกันตั้งแต่ตีห้า (เชื่อรึเปล่าว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เค๊ยยย ไม่เคยกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ขนาดนี้มาก่อน) เรียกว่ามีเวลาเหลือเฟือพอให้ผมกับปุณณ์แวะกินอาหารเช้าข้างทางกัน แถมยังโชคดีอีกเพราะรถไม่ติดมาก พวกเราจึงมาถึงกรุงเทพกันในเวลาที่น่าพอใจ
รถยนต์ Honda Civic สองประตูคันสีดำเมื่อมของปุณณ์จอดเทียบข้างทางแถว ๆ หน้าโรงเรียนผมทันเวลา 8 โมงพอดีเด๊ะ แอบเห็นมิสวันทนาและมาสเซ่อบรรชากำลังดุเด็กม.ต้นที่เอาเสื้อออกนอกกางเกงอยู่พอดี
ว่าแล้วก็ต้องรีบยัดชายเสื้อตัวเองเข้ากางเกงมั่งดีกว่า ไม่อยากโดนด่าแต่เช้า แหะ ๆๆ
"มึงเข้าสายไม่เป็นไรเหรอวะ" ผมยัดชายเสื้อพลางถามไอ้ปุณณ์ที่ยังใส่ชุดไปรเวทอยู่ตรงเบาะคนขับ เนื่องจากเราขับรถตรงจากบางแสนมาถึงโรงเรียนเลย ไม่มีการแวะบ้านใครก่อนทั้งสิ้น ไอ้ปุณณ์ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งยิ้มให้ผมจาง ๆ "ไม่เป็นไรหรอก มึงรีบไปเหอะ"
"เออ... ขับรถระวังอะ ตอนเช้าตำรวจเยอะ ใบขับขี่ก็ไม่มี ไอ้เกรียน"
"เออ กูหน้าแก่ สบายมาก" เข้าใจประชดตัวเองอีกนะ..
"รู้ก็ดี.." ผมว่ามันปนขำก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายสีดำบนเบาะหลัง จนกระทั่งหันกลับมา พบว่าใบหน้าของปุณณ์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาประชิดหน้าผมในระยะใกล้
ริมฝีปากบางสีอมส้มนั้นหยิบยื่นสัมผัสร้อนแรงให้กับผมเนิ่นนาน เหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ.. ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งลูบเส้นผมที่ค่อนข้างยาวกว่าเด็กม.ปลายทั่วไปของปุณณ์ ในขณะที่มันรั้งวงหน้าผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน
นานจนแทบไม่เหลือลมหายใจ เมื่อปลายลิ้นของเราทั้งคู่หยอกล้อกันไม่ห่าง จนผมต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยุดไม่ได้อีกต่อไป
"ปุณณ์...." ผมกระซิบชื่อเจ้าของสัมผัสนั้นทั้งที่ริมฝีปากเรายังชิดกันอยู่ รอจนมันหยุดมามองหน้าผมแล้วจึงค่อย ๆ ผละออก
รอยยิ้มที่ผมมอบให้ปุณณ์ คือสิ่งที่ตั้งใจสร้างที่สุดแล้ว
"ไปก่อนนะเว้ย"
ผมไม่รู้ว่าเสียงมันที่แว่วมาหลังจากนั้นต้องการบอกอะไร เพราะผมรู้เพียงว่า.. ประตูรถสีดำคันนั้นถูกปิดลงแล้ว พร้อม ๆ กับเรื่องของโน่และปุณณ์ ที่จบลงไป..
***
"เห้ยไอ้โน่!!" ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ครับว่าใคร ผมหยุดรอไอ้โอม และรถเก๋ง ที่พากันวิ่งแพ็คคู่กระหืดกระหอบตามกันเข้ามาในโรงเรียน.. เออเว้ย วันไหนกูมาเช้า พวกมึงก็มาเช้า วันไหนกูมาสาย พวกมึงก็มาสาย สัณชาตญาณดีจริง ๆ
"ไงสาด รอดมาสเซ่อมาได้ด้วยเหรอวะ"
"ก็รอดแบบวิ่งหนีมานี่แหละ" ไอ้โอมว่าพลางดึงชายเสื้อนักเรียนออกให้หย่อนยานยิ่งกว่านมคุณยายอายุ 80 ผมเห็นดังนั้นเลยเอามั่ง ก็เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงนาน ๆ แม่งโคตรอึดอัดนี่ครับ!!
"แล้วมึงไปไงมาไง ทำไมไอ้ปุณณ์มาส่ง แล้วมันไปจอดรถตรงไหนเนี่ย" อะ.. อะไรนะ!!!!!!!?! ผมที่กำลังง่วนกับการดึงชายเสื้อออกจากกางเกงต้องเงยหน้ามองไอ้รถเก๋งเจ้าของคำพูดนั้น ด้วยนัยน์ตาแทบจะถลนทันที..... มันรู้ได้ไงวะว่าผมมากับไอ้ปุณณ์!!!!!!!!!!!!?
"แม่งไปค้างด้วยกันมาอีกชัวร์ วันดีคืนดีเชี่ยโน่เคยแบกเป้มาโรงเรียนที่ไหน" ไอ้เชี่ยโอมตัวดีฟันธงซะจนผมแทบสะดุดหัวทิ่มหน้ารูปปั้นคุณพ่อ แม่งเอ๊ย... เรื่องแบบนี้มึงคิดในใจไม่ต้องพูดเสียงดังก็ด๊ายยยยยย สาดด
"เฮ้ยจริงเด่ะ!? มึงกะไอ้ปุณณ์สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ เพิ่งรู้!?" พอ ๆๆ เลิกถามซักที กูมีเรื่องจะถามมึงมากกว่า
"แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูมาพร้อมไอ้ปุณณ์"
"ก็กูเห็นรถไอ้ปุณณ์ ซีวิกสองประตูสีดำ ทะเบียน 8899 ติดสติ๊กเกอร์อนุญาตเข้ารัฐสภา กับจุฬาลงกรณ์ได้" อื้อหือ.... ไอ้ห่านี่มันบรรยายได้เป็นฉาก ๆ จนผมคิดว่าเจ้าของรถมาได้ยินเองก็คงตกใจ... แม่งรู้ดีขนาดนั้นผมว่ายอมแพ้ไอ้รถเก๋งมันดีกว่า
"เออ กูยอมแพ้ กูมากับไอ้ปุณณ์" พอใจยัง... เหอะ ๆๆ ผมตอบกลับไปอย่างหัวเสียหน่อย ๆ ที่โดนเห็นเข้าจนได้... เฮ้ย..... ... โดนเห็นงั้นเหรอ??....
แม่งเห็นอะไรมั่งวะ!!!!!!!!!!!!
ผมตาเหลือกมองไอ้รถเก๋งกับไอ้โอมที่เงียบไปแล้ว เพราะตอนวิ่งเมื่อกี้โอมมันทำสายไอพอดพันกันยุ่งไปหมด ส่วนรถเก๋งก็กำลังกดมือถือเช็คอะไรเรื่อยเปื่อยของมันไป ไม่มีใครแสดงท่าทีสงสัยอะไรผมสักคน... แต่... เพื่อความแน่ใจ..
"แล้วมึงเห็นไอ้ปุณณ์บนรถปะ" ผมพยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามอย่างอ้อมโลกที่สุดเท่าที่สมองผมตอนนั้นจะคิดได้ แต่ไอ้โอมกับไอ้รถเก๋งที่กำลังแก้สายไอพอดและเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ต่างพากันส่ายหัวดิ๊กส่งกลับมา
"จะไปเห็นได้ไง รถแม่งฟิล์มดำยังกะทาสีดำไปถึงกระจก กูรู้เพราะกูจำทะเบียนกับสติ๊กเกอร์มันได้หรอก" เออ ค่อยยังชั่ว.... เกือบไปแล้วไหมล่ะกู....
"ทำไม เมื่อกี้มึงกะไอ้ปุณณ์เอากันบนรถรึไง" ปากเสียงี้มีไอ้เชี่ยโอมคนเดียวครับ ไอ้ขายเพื่อน... ผมกระทืบเท้ามันทันทีที่แม่งพล่ามเสร็จ "อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!"
"คราวหน้ากูเอารองเท้าหัวปลาวาฬยัดตูดมึงแน่" คำพูดอาฆาตพยาบาทของผมทำไอ้รถเก๋งหัวเราะลั่น.. จริง ๆ มันหัวเราะตั้งแต่ได้ยินคำว่าผมกับไอ้ปุณณ์เอากันบนรถแล้วแหละครับ (ใครจะไปทำอย่างนั้น!!!! รถมันโหลดต่ำ.......... เฮ้ย!! ไม่ใช่!)
"แล้วตกลงทำไงมาไงมึงถึงไปสนิทกับปุณณ์ได้วะ สองปีก่อนที่กูลากมึงไปงานวันเกิดมัน มึงยังอิดออดจะไม่ไปอยู่เลย" ไอ้รถเก๋งยังคงป้อนคำถามผมต่อระหว่างเดินขึ้นตึกเรียนด้วยกัน ผมชะงักนิดหน่อย เพราะไม่รู้จะอธิบายสาเหตุไหนให้มันฟังดี
"ก็สนิทกันตอนตามเรื่องเงินชมรมนั่นแหละ มันช่วยอยู่"
"เอาตูดเข้าแลก!" หน็อยยย ไอ้เชี่ยโอม! มึงอยากลิ้มรสรองเท้าหัวปลาวาฬสวนทวารมึงจริง ๆ ใช่มะ ผมหันซ้ายหันขวามองหารุ่นน้องม.สอง (กลุ่มผู้โชคร้ายในการโดนสั่งให้ใส่รองเท้าหัวปลาวาฬและเข็มขัดไอ้มดแดงโดยอธิการ) แต่เมื่อหาไม่เจอจึงยกเอารองเท้าหนังหัวคว้านของผมเองให้มันดูไปพลาง ๆ ก่อน
แน่นอนว่าแม่งวิ่งจู๊ดขึ้นบันไดไปอย่างโคตรเร็วปานได้ยินเสียงคนเคาะจานข้าวเรียกมัน
"ไอ้เชี่ยโอม..." ผมสบถไล่หลังมัน โดยมีเสียงรถเก๋งหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นแบ็คกราวด์
***
จนมาถึงคาบพักกลางวัน หลังจากที่ผมเพิ่งสอบวิชาสังคมศึกษาของบราเดอร์ศักดาเสร็จ (ด้วยความมึน) ก็ได้เวลาปลดปล่อยอารมณ์กันเล็กน้อย ตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติภายในห้องเรียน
โต๊ะเรียนทั้งห้องถูกแหวกออกเป็นรูว่างตรงกลางขนาดใหญ่ เพื่อใช้วางลานประลองของพวกผม.. ซึ่งแน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้เนื้อที่ประมาณหนึ่งเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปมาได้สะดวก
แต่ไม่ได้ต่อยกันนะครับ ^^"... เรียนชายล้วนก็จริงแต่ใจอย่างกับปลาซิว... พวกผมเล่นไอ้นี่กันอยู่..
"มึงแย่แน่ตานี้... ไอ้เก่ง ตูดหมา" เสียงไอ้พ้งตะโกนแซวไอ้เก่ง ที่เดินวนไปวนมารอบโต๊ะเป็นรอบที่ 5 หรือไม่ก็ 6 (จนผมล่ะมึนหัวแทนมัน) ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีการตอบโต้ใด ๆ นอกจากเริ่มเดินวนต่อเป็นรอบที่ 6 หรือไม่ก็ 7 เพื่อเล็งหามุมว่าจะดึงบล็อคไม้ตัวไหนออกอย่างไรดี ตึกถึงจะยังไม่ถล่ม..
ใช่ครับ พวกผมเล่นอูโน่กันอยู่ จับวงคลายเครียดกันเป็นสิบคนได้ โชคดีชิบหายที่ตอนโอน้อยออกผมดวงเฮง ได้หยิบเป็นคนแรกก็เลยสบายไป แต่ตอนนี้ชักจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเข้าขั้นซวยตะหงิด ๆ เพราะแค่ถัดจากไอ้เก่ง กับ ไอ้คม ก็วนมาถึงตาผมอีกรอบแล้วว
จะเอาปัญญาที่ไหนทำให้ไม้ไม่หล่นล่ะเนี่ย!!!! โฮ ๆๆ.... รีบถล่มตึกซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะพวกมึง กูขอร้องงงงงงง ToT...
"ไอ้สัด กูรอจนช้างแอฟฟริกาจะคลอดลูกแล้ว ขอแวะไปทำคลอดให้มันก่อนแล้วค่อยเดินกลับมาดูมึงได้ปะวะ" เสียงโวยวายจากไอ้รถเก๋งดังอย่างรำคาญความเจนจัดของไอ้ห่าเก่งมัน... ก็แหม๊.... ทีคนอื่นช้าล่ะแม่งปากดีด่าเอา ๆ แต่พอถึงตาตัวเองเสือกล่อซะจนแทบหมดคาบพักกลางวัน คนอื่นเขาไม่ต้องเล่นกันพอดี
"เออ มึงไปเลย ปั่นจักรยานไปก็พอนะ กูคงใช้เวลาอีกนาน"
"ไอ้ขนตูด มึงจะเอาออกดี ๆ หรือให้กูดีดแม่งล้ม"
"เออ ๆๆๆ ออกแล้ว ๆๆๆๆ" มันว่าพร้อมกับรีบดึงบล็อคไม้อันหนึ่งออก ทั้งที่แทบไม่ได้เล็งด้วยซ้ำ (เพราะไอ้รถเก๋งทำท่าจะเดินไปดีดจริง ๆ) จนเพื่อน ๆ ทั้งห้องต้องสูดลมหายใจกันเฮือกใหญ่ เนื่องจากลุ้นจัด.. เพราะไอ้ตึกอูโน่มันกำลังเอนไปเอนมาอย่างน่าหวาดเสียวว่าเดี๋ยวคงมีสิทธิ์พังลงมาทั้งแท่งแน่นอน!
"ฟู่! ฟู่! ฟู่!" เป็นไอ้เชี่ยโอมที่ยืนกวนตีนอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังพยายามเป่าอูโน่ตาไอ้เก่งให้ล้มสมใจอยากมัน ด้วยวิธีการที่พวกผมมักใช้แกล้งกันประจำ แต่ครั้งนี้ไอ้เก่งเสือกรู้ทัน เพราะมันใช้รองเท้าหนังเบอร์ 43 ยันเข้าให้กลางเป้าไอ้โอมก่อนไปถึงฝัน "ไอ้สาดดดดด"
แต่ยิ่งพวกนี้ทำเสียงโครมครามมากเท่าไหร่ พื้นห้องก็ยิ่งกระเทือนมากเท่านั้น ตอนนี้อูโน่ไอ้เก่งโยกไปโยกมากอย่างน่าหวาดเสียวขั้นสุดท้าย "เฮ้ย ๆๆๆ" แล้วมึงจะร้องเสียงหลงทำเชี่ยไร ได้ข่าวว่ามึงนั่นแหละทำพื้นห้องกระเทือนเอง เชี่ยเก่ง
ผมมองบล็อคไม้ทรงสูงที่เอียงไปทางซ้ายที ขวาที ทำเอาลุ้นไปตาม ๆ กัน ไอ้เก่งก็อ้าปากค้าง อุทิศคอหอยมันให้เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงวันประมาณสี่ตัว ก่อนจะค่อย ๆ หุบปากลงเมื่อแท่งอูโน่เริ่มทรงตัวเองดีขึ้นเรื่อย ๆ... เรื่อย ๆ.... เรื่อย ๆ.... จนกระทั่ง...........
"เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ถามจริง ตอนมึงหุงข้าวให้แม่กินได้ครั้งแรก มึงดีใจงี้ปะวะ...
ผมเหล่ตามองไอ้เชี่ยเก่งที่วิ่งเป็นซุปเปอร์แมนรอบห้องอย่างกับมันเป็นฮีโร่โอลิมปิก (คราวหน้ามึงเพิ่มท่าไหว้สี่ทิศด้วยนะสาด) แถมยังหันไปยักคิ้วให้ไอ้คม คนที่จะโดนเชือดเป็นรายต่อไปอีก
"ตาย.. แน่... เหี้ย..." ผมทำปากบอกไอ้คมว่าอย่างนั้น เลยโดนมันโบกหัวหนึ่งฉาดใหญ่ สาดดด... ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู
แต่ระหว่างที่ไอ้คมกำลังถูกวิญญาณอูโน่เข้าสิง เดินวนรอบโต๊ะเรียนเป็นครั้งที่สามนั้นเอง (กูว่ามึงวนขวาสามรอบอย่างนี้แล้วขึ้นเผาไปเลยดีกว่าว่ะ) เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากพักกลางวันก็ดังขึ้น
"โน่!! มีคนมาหา!!" ใครวะ?
"รีบไปเลยเมิงงง หน้าเมิงกวนตีน กุไม่มีสมาธิ" อ้าวไอ้เชี่ยคม ความผิดกูซะงั้น! ผมได้ยินดังนั้นเลยถีบตูดมันซะหนึ่งทีก่อนจะวิ่งไปดูหน้าห้องว่าใครมา เผื่อว่าเป็นน้อง marching band มีปัญหาอะไรตอนซ้อมรอบกลางวัน ผมจะได้ช่วยเหลือพวกมันทัน
แต่ไอ้คนตรงหน้าผมมันยิ่งใหญ่กว่าน้อง marching band ทั้งวงอีกว่ะ.............................. เลขานุการสภาฯเนี่ย
.. ผมยืนเอ๋อมองหน้าคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อตอนเช้า ก่อนจะพยายามปั้นยิ้มออกมาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด..
"มีเชี่ยไรวะ ถ้าจะเรี่ยไรตังค์ ห้องนี้จนหวะ ไม่มีให้" ผมเอาจุดอ่อนของสภานักเรียนช่วงนี้มาล้อไอ้ปุณณ์มัน เนื่องจากโรงเรียนกำลังมีจุดก่อสร้างปรับปรุงอยู่หลายจุด เป็นสาเหตุให้อธิการพาลมาขูดรีดนักเรียนตาดำ ๆ อย่างพวกผมเป็นว่าเล่น.. ซึ่งก็ได้ผล... ไอ้ปุณณ์มอบรางวัลให้ผมเป็นหลังมือเขกเข้ากลางกะบาลซะหนึ่งที... อูยยย... เพิ่งจะโดนไอ้คมเขกมาแท้ ๆ
"ตังค์อะเอาแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้" โห... คำตอบมันไม่สร้างสรรค์เลยว่ะ "แล้วมึงทำข้อสอบได้ปะ" คำถามนี้ก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เหมือนกัน -_-"....
"ได้ทำว่ะ มึงมาถึงโรงเรียนตอนไหนอะ" ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะคุยกับมันแบบปกติ (ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ถือว่าไม่ค่อยปกติ เพราะผมไม่เคยมายืนคุยกับมันหน้าห้องเรียนซักหน่อย) เห็นปุณณ์ทำหน้าเซ็งทันทีที่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเดินทาง
"เพิ่งถึงเนี่ย เมื่อเช้าเกือบโดนลูกเสือโบก ดีรถแม่งเยอะ กูไม่จอด เหยียบหนีเลย ฮ่า ๆ" ภูมิใจไหมนั่น ไอ้เกรียน... ผมเหล่มองมันอย่างกลุ้ม ๆ... ก็กูบอกแล้วว่าอย่าขับรถ..
ผมอ้าปากจะด่าอะไรมันต่ออีกหน่อย แต่ก็ดันสบตาเข้ากับปุณณ์ ที่อยู่ดี ๆ เปลี่ยนมาเป็นมองผมแบบหงอย ๆ เสียก่อน
เรายืนเงียบกันอยู่อย่างนั้นพักนึง ด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี.... ผมรู้สึกว่าตอนนี้.... แค่จะเอื้อมมือไปจับตัวปุณณ์.. ผมยังทำไม่ได้..
"ไอ้เชี่ยโน่!!!!! มึงซวยแน่ ไอ้คมผ่านแล้ว!!!!" ชิบหาย!! เสียงนรกของไอ้เก่งลอยมาจากในห้องเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก ต้องหันไปมองมันสุดตัว
"เออ ๆๆ กูไปเดี๋ยวนี้แหละ สาดดด แม่งเก่งกันจังวะ!!!... เอ่อ ปุณณ์ มีไรอีกปะ?" ผมหันไปตะโกนตอบไอ้เก่งก่อนจะหันมาถามปุณณ์ ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นหัวทุย ๆ ของมันที่ส่ายดิ๊กเหมือนกับคนตั้งตัวไม่ทัน
"ถ้าไม่มีงั้นกูไปเล่นเกมต่อก่อนนะ.. บาย" ไม่รอฟังอีร้าค่าอีรมอะไรทั้งสิ้น เมื่อผมรีบวิ่งกลับไปยังลานประลองกลางห้องเรียนทันที
ให้มันเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน.
อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/hedfuc/story/viewlongc.php?id=436675&chapter=21#ixzz15oHW7Va0
ตอนเช้าเราออกจากบางแสนกันตั้งแต่ตีห้า (เชื่อรึเปล่าว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เค๊ยยย ไม่เคยกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ขนาดนี้มาก่อน) เรียกว่ามีเวลาเหลือเฟือพอให้ผมกับปุณณ์แวะกินอาหารเช้าข้างทางกัน แถมยังโชคดีอีกเพราะรถไม่ติดมาก พวกเราจึงมาถึงกรุงเทพกันในเวลาที่น่าพอใจ
รถยนต์ Honda Civic สองประตูคันสีดำเมื่อมของปุณณ์จอดเทียบข้างทางแถว ๆ หน้าโรงเรียนผมทันเวลา 8 โมงพอดีเด๊ะ แอบเห็นมิสวันทนาและมาสเซ่อบรรชากำลังดุเด็กม.ต้นที่เอาเสื้อออกนอกกางเกงอยู่พอดี
ว่าแล้วก็ต้องรีบยัดชายเสื้อตัวเองเข้ากางเกงมั่งดีกว่า ไม่อยากโดนด่าแต่เช้า แหะ ๆๆ
"มึงเข้าสายไม่เป็นไรเหรอวะ" ผมยัดชายเสื้อพลางถามไอ้ปุณณ์ที่ยังใส่ชุดไปรเวทอยู่ตรงเบาะคนขับ เนื่องจากเราขับรถตรงจากบางแสนมาถึงโรงเรียนเลย ไม่มีการแวะบ้านใครก่อนทั้งสิ้น ไอ้ปุณณ์ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งยิ้มให้ผมจาง ๆ "ไม่เป็นไรหรอก มึงรีบไปเหอะ"
"เออ... ขับรถระวังอะ ตอนเช้าตำรวจเยอะ ใบขับขี่ก็ไม่มี ไอ้เกรียน"
"เออ กูหน้าแก่ สบายมาก" เข้าใจประชดตัวเองอีกนะ..
"รู้ก็ดี.." ผมว่ามันปนขำก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายสีดำบนเบาะหลัง จนกระทั่งหันกลับมา พบว่าใบหน้าของปุณณ์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาประชิดหน้าผมในระยะใกล้
ริมฝีปากบางสีอมส้มนั้นหยิบยื่นสัมผัสร้อนแรงให้กับผมเนิ่นนาน เหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ.. ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งลูบเส้นผมที่ค่อนข้างยาวกว่าเด็กม.ปลายทั่วไปของปุณณ์ ในขณะที่มันรั้งวงหน้าผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน
นานจนแทบไม่เหลือลมหายใจ เมื่อปลายลิ้นของเราทั้งคู่หยอกล้อกันไม่ห่าง จนผมต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยุดไม่ได้อีกต่อไป
"ปุณณ์...." ผมกระซิบชื่อเจ้าของสัมผัสนั้นทั้งที่ริมฝีปากเรายังชิดกันอยู่ รอจนมันหยุดมามองหน้าผมแล้วจึงค่อย ๆ ผละออก
รอยยิ้มที่ผมมอบให้ปุณณ์ คือสิ่งที่ตั้งใจสร้างที่สุดแล้ว
"ไปก่อนนะเว้ย"
ผมไม่รู้ว่าเสียงมันที่แว่วมาหลังจากนั้นต้องการบอกอะไร เพราะผมรู้เพียงว่า.. ประตูรถสีดำคันนั้นถูกปิดลงแล้ว พร้อม ๆ กับเรื่องของโน่และปุณณ์ ที่จบลงไป..
***
"เห้ยไอ้โน่!!" ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ครับว่าใคร ผมหยุดรอไอ้โอม และรถเก๋ง ที่พากันวิ่งแพ็คคู่กระหืดกระหอบตามกันเข้ามาในโรงเรียน.. เออเว้ย วันไหนกูมาเช้า พวกมึงก็มาเช้า วันไหนกูมาสาย พวกมึงก็มาสาย สัณชาตญาณดีจริง ๆ
"ไงสาด รอดมาสเซ่อมาได้ด้วยเหรอวะ"
"ก็รอดแบบวิ่งหนีมานี่แหละ" ไอ้โอมว่าพลางดึงชายเสื้อนักเรียนออกให้หย่อนยานยิ่งกว่านมคุณยายอายุ 80 ผมเห็นดังนั้นเลยเอามั่ง ก็เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงนาน ๆ แม่งโคตรอึดอัดนี่ครับ!!
"แล้วมึงไปไงมาไง ทำไมไอ้ปุณณ์มาส่ง แล้วมันไปจอดรถตรงไหนเนี่ย" อะ.. อะไรนะ!!!!!!!?! ผมที่กำลังง่วนกับการดึงชายเสื้อออกจากกางเกงต้องเงยหน้ามองไอ้รถเก๋งเจ้าของคำพูดนั้น ด้วยนัยน์ตาแทบจะถลนทันที..... มันรู้ได้ไงวะว่าผมมากับไอ้ปุณณ์!!!!!!!!!!!!?
"แม่งไปค้างด้วยกันมาอีกชัวร์ วันดีคืนดีเชี่ยโน่เคยแบกเป้มาโรงเรียนที่ไหน" ไอ้เชี่ยโอมตัวดีฟันธงซะจนผมแทบสะดุดหัวทิ่มหน้ารูปปั้นคุณพ่อ แม่งเอ๊ย... เรื่องแบบนี้มึงคิดในใจไม่ต้องพูดเสียงดังก็ด๊ายยยยยย สาดด
"เฮ้ยจริงเด่ะ!? มึงกะไอ้ปุณณ์สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ เพิ่งรู้!?" พอ ๆๆ เลิกถามซักที กูมีเรื่องจะถามมึงมากกว่า
"แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูมาพร้อมไอ้ปุณณ์"
"ก็กูเห็นรถไอ้ปุณณ์ ซีวิกสองประตูสีดำ ทะเบียน 8899 ติดสติ๊กเกอร์อนุญาตเข้ารัฐสภา กับจุฬาลงกรณ์ได้" อื้อหือ.... ไอ้ห่านี่มันบรรยายได้เป็นฉาก ๆ จนผมคิดว่าเจ้าของรถมาได้ยินเองก็คงตกใจ... แม่งรู้ดีขนาดนั้นผมว่ายอมแพ้ไอ้รถเก๋งมันดีกว่า
"เออ กูยอมแพ้ กูมากับไอ้ปุณณ์" พอใจยัง... เหอะ ๆๆ ผมตอบกลับไปอย่างหัวเสียหน่อย ๆ ที่โดนเห็นเข้าจนได้... เฮ้ย..... ... โดนเห็นงั้นเหรอ??....
แม่งเห็นอะไรมั่งวะ!!!!!!!!!!!!
ผมตาเหลือกมองไอ้รถเก๋งกับไอ้โอมที่เงียบไปแล้ว เพราะตอนวิ่งเมื่อกี้โอมมันทำสายไอพอดพันกันยุ่งไปหมด ส่วนรถเก๋งก็กำลังกดมือถือเช็คอะไรเรื่อยเปื่อยของมันไป ไม่มีใครแสดงท่าทีสงสัยอะไรผมสักคน... แต่... เพื่อความแน่ใจ..
"แล้วมึงเห็นไอ้ปุณณ์บนรถปะ" ผมพยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามอย่างอ้อมโลกที่สุดเท่าที่สมองผมตอนนั้นจะคิดได้ แต่ไอ้โอมกับไอ้รถเก๋งที่กำลังแก้สายไอพอดและเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ต่างพากันส่ายหัวดิ๊กส่งกลับมา
"จะไปเห็นได้ไง รถแม่งฟิล์มดำยังกะทาสีดำไปถึงกระจก กูรู้เพราะกูจำทะเบียนกับสติ๊กเกอร์มันได้หรอก" เออ ค่อยยังชั่ว.... เกือบไปแล้วไหมล่ะกู....
"ทำไม เมื่อกี้มึงกะไอ้ปุณณ์เอากันบนรถรึไง" ปากเสียงี้มีไอ้เชี่ยโอมคนเดียวครับ ไอ้ขายเพื่อน... ผมกระทืบเท้ามันทันทีที่แม่งพล่ามเสร็จ "อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!"
"คราวหน้ากูเอารองเท้าหัวปลาวาฬยัดตูดมึงแน่" คำพูดอาฆาตพยาบาทของผมทำไอ้รถเก๋งหัวเราะลั่น.. จริง ๆ มันหัวเราะตั้งแต่ได้ยินคำว่าผมกับไอ้ปุณณ์เอากันบนรถแล้วแหละครับ (ใครจะไปทำอย่างนั้น!!!! รถมันโหลดต่ำ.......... เฮ้ย!! ไม่ใช่!)
"แล้วตกลงทำไงมาไงมึงถึงไปสนิทกับปุณณ์ได้วะ สองปีก่อนที่กูลากมึงไปงานวันเกิดมัน มึงยังอิดออดจะไม่ไปอยู่เลย" ไอ้รถเก๋งยังคงป้อนคำถามผมต่อระหว่างเดินขึ้นตึกเรียนด้วยกัน ผมชะงักนิดหน่อย เพราะไม่รู้จะอธิบายสาเหตุไหนให้มันฟังดี
"ก็สนิทกันตอนตามเรื่องเงินชมรมนั่นแหละ มันช่วยอยู่"
"เอาตูดเข้าแลก!" หน็อยยย ไอ้เชี่ยโอม! มึงอยากลิ้มรสรองเท้าหัวปลาวาฬสวนทวารมึงจริง ๆ ใช่มะ ผมหันซ้ายหันขวามองหารุ่นน้องม.สอง (กลุ่มผู้โชคร้ายในการโดนสั่งให้ใส่รองเท้าหัวปลาวาฬและเข็มขัดไอ้มดแดงโดยอธิการ) แต่เมื่อหาไม่เจอจึงยกเอารองเท้าหนังหัวคว้านของผมเองให้มันดูไปพลาง ๆ ก่อน
แน่นอนว่าแม่งวิ่งจู๊ดขึ้นบันไดไปอย่างโคตรเร็วปานได้ยินเสียงคนเคาะจานข้าวเรียกมัน
"ไอ้เชี่ยโอม..." ผมสบถไล่หลังมัน โดยมีเสียงรถเก๋งหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นแบ็คกราวด์
***
จนมาถึงคาบพักกลางวัน หลังจากที่ผมเพิ่งสอบวิชาสังคมศึกษาของบราเดอร์ศักดาเสร็จ (ด้วยความมึน) ก็ได้เวลาปลดปล่อยอารมณ์กันเล็กน้อย ตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติภายในห้องเรียน
โต๊ะเรียนทั้งห้องถูกแหวกออกเป็นรูว่างตรงกลางขนาดใหญ่ เพื่อใช้วางลานประลองของพวกผม.. ซึ่งแน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้เนื้อที่ประมาณหนึ่งเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปมาได้สะดวก
แต่ไม่ได้ต่อยกันนะครับ ^^"... เรียนชายล้วนก็จริงแต่ใจอย่างกับปลาซิว... พวกผมเล่นไอ้นี่กันอยู่..
"มึงแย่แน่ตานี้... ไอ้เก่ง ตูดหมา" เสียงไอ้พ้งตะโกนแซวไอ้เก่ง ที่เดินวนไปวนมารอบโต๊ะเป็นรอบที่ 5 หรือไม่ก็ 6 (จนผมล่ะมึนหัวแทนมัน) ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีการตอบโต้ใด ๆ นอกจากเริ่มเดินวนต่อเป็นรอบที่ 6 หรือไม่ก็ 7 เพื่อเล็งหามุมว่าจะดึงบล็อคไม้ตัวไหนออกอย่างไรดี ตึกถึงจะยังไม่ถล่ม..
ใช่ครับ พวกผมเล่นอูโน่กันอยู่ จับวงคลายเครียดกันเป็นสิบคนได้ โชคดีชิบหายที่ตอนโอน้อยออกผมดวงเฮง ได้หยิบเป็นคนแรกก็เลยสบายไป แต่ตอนนี้ชักจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเข้าขั้นซวยตะหงิด ๆ เพราะแค่ถัดจากไอ้เก่ง กับ ไอ้คม ก็วนมาถึงตาผมอีกรอบแล้วว
จะเอาปัญญาที่ไหนทำให้ไม้ไม่หล่นล่ะเนี่ย!!!! โฮ ๆๆ.... รีบถล่มตึกซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะพวกมึง กูขอร้องงงงงงง ToT...
"ไอ้สัด กูรอจนช้างแอฟฟริกาจะคลอดลูกแล้ว ขอแวะไปทำคลอดให้มันก่อนแล้วค่อยเดินกลับมาดูมึงได้ปะวะ" เสียงโวยวายจากไอ้รถเก๋งดังอย่างรำคาญความเจนจัดของไอ้ห่าเก่งมัน... ก็แหม๊.... ทีคนอื่นช้าล่ะแม่งปากดีด่าเอา ๆ แต่พอถึงตาตัวเองเสือกล่อซะจนแทบหมดคาบพักกลางวัน คนอื่นเขาไม่ต้องเล่นกันพอดี
"เออ มึงไปเลย ปั่นจักรยานไปก็พอนะ กูคงใช้เวลาอีกนาน"
"ไอ้ขนตูด มึงจะเอาออกดี ๆ หรือให้กูดีดแม่งล้ม"
"เออ ๆๆๆ ออกแล้ว ๆๆๆๆ" มันว่าพร้อมกับรีบดึงบล็อคไม้อันหนึ่งออก ทั้งที่แทบไม่ได้เล็งด้วยซ้ำ (เพราะไอ้รถเก๋งทำท่าจะเดินไปดีดจริง ๆ) จนเพื่อน ๆ ทั้งห้องต้องสูดลมหายใจกันเฮือกใหญ่ เนื่องจากลุ้นจัด.. เพราะไอ้ตึกอูโน่มันกำลังเอนไปเอนมาอย่างน่าหวาดเสียวว่าเดี๋ยวคงมีสิทธิ์พังลงมาทั้งแท่งแน่นอน!
"ฟู่! ฟู่! ฟู่!" เป็นไอ้เชี่ยโอมที่ยืนกวนตีนอยู่ฝั่งตรงข้าม กำลังพยายามเป่าอูโน่ตาไอ้เก่งให้ล้มสมใจอยากมัน ด้วยวิธีการที่พวกผมมักใช้แกล้งกันประจำ แต่ครั้งนี้ไอ้เก่งเสือกรู้ทัน เพราะมันใช้รองเท้าหนังเบอร์ 43 ยันเข้าให้กลางเป้าไอ้โอมก่อนไปถึงฝัน "ไอ้สาดดดดด"
แต่ยิ่งพวกนี้ทำเสียงโครมครามมากเท่าไหร่ พื้นห้องก็ยิ่งกระเทือนมากเท่านั้น ตอนนี้อูโน่ไอ้เก่งโยกไปโยกมากอย่างน่าหวาดเสียวขั้นสุดท้าย "เฮ้ย ๆๆๆ" แล้วมึงจะร้องเสียงหลงทำเชี่ยไร ได้ข่าวว่ามึงนั่นแหละทำพื้นห้องกระเทือนเอง เชี่ยเก่ง
ผมมองบล็อคไม้ทรงสูงที่เอียงไปทางซ้ายที ขวาที ทำเอาลุ้นไปตาม ๆ กัน ไอ้เก่งก็อ้าปากค้าง อุทิศคอหอยมันให้เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงวันประมาณสี่ตัว ก่อนจะค่อย ๆ หุบปากลงเมื่อแท่งอูโน่เริ่มทรงตัวเองดีขึ้นเรื่อย ๆ... เรื่อย ๆ.... เรื่อย ๆ.... จนกระทั่ง...........
"เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" ถามจริง ตอนมึงหุงข้าวให้แม่กินได้ครั้งแรก มึงดีใจงี้ปะวะ...
ผมเหล่ตามองไอ้เชี่ยเก่งที่วิ่งเป็นซุปเปอร์แมนรอบห้องอย่างกับมันเป็นฮีโร่โอลิมปิก (คราวหน้ามึงเพิ่มท่าไหว้สี่ทิศด้วยนะสาด) แถมยังหันไปยักคิ้วให้ไอ้คม คนที่จะโดนเชือดเป็นรายต่อไปอีก
"ตาย.. แน่... เหี้ย..." ผมทำปากบอกไอ้คมว่าอย่างนั้น เลยโดนมันโบกหัวหนึ่งฉาดใหญ่ สาดดด... ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู
แต่ระหว่างที่ไอ้คมกำลังถูกวิญญาณอูโน่เข้าสิง เดินวนรอบโต๊ะเรียนเป็นครั้งที่สามนั้นเอง (กูว่ามึงวนขวาสามรอบอย่างนี้แล้วขึ้นเผาไปเลยดีกว่าว่ะ) เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากพักกลางวันก็ดังขึ้น
"โน่!! มีคนมาหา!!" ใครวะ?
"รีบไปเลยเมิงงง หน้าเมิงกวนตีน กุไม่มีสมาธิ" อ้าวไอ้เชี่ยคม ความผิดกูซะงั้น! ผมได้ยินดังนั้นเลยถีบตูดมันซะหนึ่งทีก่อนจะวิ่งไปดูหน้าห้องว่าใครมา เผื่อว่าเป็นน้อง marching band มีปัญหาอะไรตอนซ้อมรอบกลางวัน ผมจะได้ช่วยเหลือพวกมันทัน
แต่ไอ้คนตรงหน้าผมมันยิ่งใหญ่กว่าน้อง marching band ทั้งวงอีกว่ะ.............................. เลขานุการสภาฯเนี่ย
.. ผมยืนเอ๋อมองหน้าคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อตอนเช้า ก่อนจะพยายามปั้นยิ้มออกมาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด..
"มีเชี่ยไรวะ ถ้าจะเรี่ยไรตังค์ ห้องนี้จนหวะ ไม่มีให้" ผมเอาจุดอ่อนของสภานักเรียนช่วงนี้มาล้อไอ้ปุณณ์มัน เนื่องจากโรงเรียนกำลังมีจุดก่อสร้างปรับปรุงอยู่หลายจุด เป็นสาเหตุให้อธิการพาลมาขูดรีดนักเรียนตาดำ ๆ อย่างพวกผมเป็นว่าเล่น.. ซึ่งก็ได้ผล... ไอ้ปุณณ์มอบรางวัลให้ผมเป็นหลังมือเขกเข้ากลางกะบาลซะหนึ่งที... อูยยย... เพิ่งจะโดนไอ้คมเขกมาแท้ ๆ
"ตังค์อะเอาแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้" โห... คำตอบมันไม่สร้างสรรค์เลยว่ะ "แล้วมึงทำข้อสอบได้ปะ" คำถามนี้ก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เหมือนกัน -_-"....
"ได้ทำว่ะ มึงมาถึงโรงเรียนตอนไหนอะ" ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะคุยกับมันแบบปกติ (ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ถือว่าไม่ค่อยปกติ เพราะผมไม่เคยมายืนคุยกับมันหน้าห้องเรียนซักหน่อย) เห็นปุณณ์ทำหน้าเซ็งทันทีที่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเดินทาง
"เพิ่งถึงเนี่ย เมื่อเช้าเกือบโดนลูกเสือโบก ดีรถแม่งเยอะ กูไม่จอด เหยียบหนีเลย ฮ่า ๆ" ภูมิใจไหมนั่น ไอ้เกรียน... ผมเหล่มองมันอย่างกลุ้ม ๆ... ก็กูบอกแล้วว่าอย่าขับรถ..
ผมอ้าปากจะด่าอะไรมันต่ออีกหน่อย แต่ก็ดันสบตาเข้ากับปุณณ์ ที่อยู่ดี ๆ เปลี่ยนมาเป็นมองผมแบบหงอย ๆ เสียก่อน
เรายืนเงียบกันอยู่อย่างนั้นพักนึง ด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี.... ผมรู้สึกว่าตอนนี้.... แค่จะเอื้อมมือไปจับตัวปุณณ์.. ผมยังทำไม่ได้..
"ไอ้เชี่ยโน่!!!!! มึงซวยแน่ ไอ้คมผ่านแล้ว!!!!" ชิบหาย!! เสียงนรกของไอ้เก่งลอยมาจากในห้องเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก ต้องหันไปมองมันสุดตัว
"เออ ๆๆ กูไปเดี๋ยวนี้แหละ สาดดด แม่งเก่งกันจังวะ!!!... เอ่อ ปุณณ์ มีไรอีกปะ?" ผมหันไปตะโกนตอบไอ้เก่งก่อนจะหันมาถามปุณณ์ ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นหัวทุย ๆ ของมันที่ส่ายดิ๊กเหมือนกับคนตั้งตัวไม่ทัน
"ถ้าไม่มีงั้นกูไปเล่นเกมต่อก่อนนะ.. บาย" ไม่รอฟังอีร้าค่าอีรมอะไรทั้งสิ้น เมื่อผมรีบวิ่งกลับไปยังลานประลองกลางห้องเรียนทันที
ให้มันเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน.
อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/hedfuc/story/viewlongc.php?id=436675&chapter=21#ixzz15oHW7Va0