Special CHAOS
Can you hear it. เสียงจากปุณณ์
"ปุณณ์! ช่วยดูงบชมรมเราให้หน่อยสิ นะ ๆๆ หายไปตั้งสองหมื่นกว่าแน่ะ จะบ้าตายอยู่แล้ว"
นี่คือการปรากฎตัวของโน่ที่เซอร์ไพร์สผมที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี.. เรารู้จักกันก็จริงครับ แต่ไม่เคยมีเรื่องต้องคุยกันสองคนแบบนี้มาก่อน และแต่ละครั้งที่คุย ก็ไม่เคยมีประโยคไหนที่ยาวขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน..
นึกถึงวันนั้นทีไรก็ยังอดยิ้มไม่ได้ เพราะปกติแล้ว หน้าขาว ๆ ของโน่ที่ผมเห็นประจำมักเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์เสมอ เดี๋ยวมันก็โวยวาย เดี๋ยวทำหน้ากวนตีน บางทีทำเหมือนกำลังวางแผนชั่วอะไรซักอย่างอยู่กับบรรดาเพื่อนของมัน หรือไม่ก็ทะเล้นทะลึ่งไปเรื่อย แต่วันนั้นแปลกหน่อยที่มันทำหน้าเดือดร้อนสุดชีวิตมาหาผมแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาต้องกลั้นขำ สารภาพก็ได้ครับว่าผมชอบแอบมองโน่บ่อย ๆ เพราะมันหลากหลายดี เห็นหน้ามันทีไรก็ผ่อนคลายอารมณ์จากเครียด ๆ ให้ได้หัวเราะขำทุกที
แต่สาบานได้ว่าถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับโน่สักครั้ง เพราะโน่เป็นเพื่อน(ห่าง ๆ)ที่ร่าเริงของผมเสมอ ผมรู้ว่าโน่น่ะแมนเต็มร้อย เคยได้ยินว่ามีแฟนอยู่ที่เดียวกับแฟนผม แต่ไม่เคยรู้ว่าคนไหนเหมือนกัน ก็ได้แต่แอบคิดว่าเวลาเจ้านี่อยู่กับแฟนจะเป็นยังไง จะกวนตีนเหมือนเวลาอยู่โรงเรียนไหม (แฟนมันคงเครียดอะครับ) หรือที่จริงแล้วอาจจะสวีทหวานน้ำตาลขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยก็ได้.. ใครจะรู้
คำที่ผมต่อรองโน่ไปวันนั้นก็เกิดจากความบริสุทธิ์ใจล้วน ๆ เช่นกัน... ผมขอร้องมันโดยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่ง ทั้งผมและโน่ จะตกหลุมกันและกันจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น
Aim : ยูริออนแล้วเรียกด้วยจ้ะ พูดว่า:
ปุณณ์อย่าทิ้งเอมไปไหนนะ
แต่ความจริงไม่เคยมีอะไรง่ายอย่างที่ใจคิด.. ผมนิ่งมองข้อความนั้นที่ส่งผ่านโปรแกรม msn มาทางจอคอมพิวเตอร์ของผม ก่อนจะถอนหายใจยาว
ผมรู้สึกว่าปลายนิ้วชี้ตัวเองเคาะเม้าส์เบา ๆ เหมือนคนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทั้งที่จริง ๆ แล้วสมองว่างเปล่า... ไม่ใช่ว่าผมจะใจร้ายไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าพยายามคิดแล้วคิดอีกยังไงก็ไม่เคยเห็นทางออก จนกระทั่งเรื่องเดินทางมาจนถึงจุดนี้... ผมก็กลายเป็นเหมือนคนวิ่งหนีความจริงไปโดยปริยาย..
หลายครั้งผมทบทวนตัวเองจนไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง สิ่งที่ผมรู้สึกกับโน่คืออะไรกันแน่... ผมรักโน่งั้นเหรอ?... ผมไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะมอบสิ่งยิ่งใหญ่ขนาดนั้นให้เพื่อนที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ชีวิตผมแบบเต็ม ๆ เมื่อวันพุธได้
ผมไม่สามารถจำกัดความคำว่า 'รัก' ให้เจ้านั่นได้อย่างเต็มปาก... แต่ผมอยากมีมัน การมีโน่อยู่ข้าง ๆ ผมในระยะเวลา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมากลายเป็นสมบัติที่มีค่ามาก ทุกครั้งที่ผมตื่นมาแล้วเห็นหน้าโน่หลับอยู่ข้าง ๆ ผมอดคิดไม่ได้ว่าในเช้าวันต่อ ๆ ไปก็ขอให้เป็นแบบนี้อีก... จนกระทั่งเราก้าวล้ำเส้นความเป็น 'เพื่อน' ระหว่างกัน
ผมรู้ว่ามันเชี่ยมากที่ทำอย่างนั้น ทั้งที่คนอย่างผมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นกับใครได้อีกแล้ว
ผมอยากเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรักเอมได้ตลอดรอดฝั่ง ผมอยากประคับประคองความสัมพันธ์ของผมกับเอมไว้ให้สมกับที่เธอไว้ใจ
แต่ผมกลับแพ้ภัยตัวเองอย่างร้ายกาจ
ผมโกหก... ที่พูดว่าบริสุทธิ์ใจตอนขอให้โน่แกล้งมาเป็นแฟนด้วย.. ผมโกหก..
ที่จริงแล้วผมดีใจมากที่เป็นโน่เข้ามาในช่วงเวลานั้นพอดี... โน่ที่เป็นเพื่อนห่าง ๆ ของผม โน่ที่เมื่อแปดปีก่อน เคยชักเย่อแข่งกับผมจนล้มระเนระนาดหัวเข่าถลอกกันทั้งคู่ โน่ที่เมื่อห้าปีก่อนเคยแสดงเป็นโหรคู่กับเจ้าเมืองซึ่งคือผมในงานสัปดาห์วันภาษาไทย โน่ที่เมื่อสองปีก่อนเคยถูกรถเก๋งลากมางานเลี้ยงวันเกิดบ้านผมด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ และพยายามพูดเพราะตลอดเวลาจนอดแอบมองไม่ได้ ว่ามันจะทำตัวเปิ่น ๆ อะไรในงานบ้างหรือเปล่า...
โน่คนที่ผมคิดเสมอว่าถ้าเจอเด็กผู้หญิงแบบนี้คงจะดีไม่น้อย... ผมคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากให้เอมสดใสได้เท่าโน่ ถึงจะโวยวายกระโชกโฮกฮากทำตัวนักเลงโตไปบ้าง แต่ดวงตากลมแป๋วนั้นก็ฉายแววเป็นมิตร และความจริงใจอยู่เต็มเปี่ยม
ผมท้าทายตัวเองด้วยการขอร้องคนที่ผมสนใจเป็นพิเศษมาตลอดให้แกล้งเป็นแฟนผมให้ โดยปลอบใจตัวเองว่าถึงยังไงโน่มันก็เป็นผู้ชาย ถึงจะน่ารักน่าเอ็นดูยังไง ผมก็คงไม่มีทางคิดอะไรแปลก ๆ กับเจ้านี่ได้เด็ดขาด
แต่ยิ่งนานวัน ผมก็ยิ่งรู้ว่าผมประเมินค่าตัวเองสูงไป.... ใจผมไม่ได้แข็งเท่าที่คิดเลย..
โทรศัพท์เครื่องสีดำตั้งเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับผมที่ยังคงเงียบ.. ไม่ได้ตอบอะไรเอมกลับไปในหน้าต่าง msn บานนั้น
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรไปแล้ว.. เพราะถ้าเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนผมคงพิมพ์ตอบเอมกลับไปด้วยความยินดีว่าไม่ว่าวันไหนผมก็จะไม่มีวันทิ้งเธอ... แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามือแข็งเป็นหิน ไม่สามารถตอบอะไรเพื่อทำให้ตัวเองดูดีได้เลยจริง ๆ
เพราะผมรู้อยู่แก่ใจว่าผมมันเลวแค่ไหน..
นิ้วชี้ผมเลื่อนจากเม้าส์ที่จับอยู่ไปจิ้มยังปุ่มเบอร์โทรออกล่าสุดที่เพิ่งพยายามกดหาไปเมื่อหัวค่ำ แต่ก็ตัดสินใจวางสายก่อนเสียงสัญญาณจะดัง เพราะผมไม่ค่อยแน่ใจว่าโทรไปหาแล้วจะคุยอะไร (ถ้าถามว่าเจ็บไหมก็คงโดนมันด่ากลับ)... แล้วเจ้าตัวจะยินดีคุยกับผมอยู่รึเปล่า
แต่นิ้วมือก็ไปได้ไวกว่าความคิด เมื่อมันกดโทรออกทันที ผมกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ ได้ยินเสียงสัญญาณดังเพียงไม่นาน อีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงนักเลงตามแบบฉบับมัน
"โทรมาไม กูอยู่หน้าห้องมึง......."
ผมแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเปิดประตูออกไปพบว่าโน่ยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ.. โลกของผมหยุดนิ่ง เพราะหลังจากนั้นไอ้คนท่าทางกวนตีนตรงหน้าจะทักทายด้วยคำว่าอะไรผมไม่สนแล้ว สิ่งเดียวที่ร้องก้องอยู่ในหัวผมตอนนี้คือ
ผมอยากมีโน่
อยากให้โน่อยู่ข้าง ๆ ผมต่อไป
ไม่ต้องถึงกับตลอดชีวิตก็ได้
ขอแค่ในเวลานี้ ที่เรายังรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
ผมอยากเก็บรักษาช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้ลึกที่สุด
เผื่อว่าวันหนึ่ง วันที่ผมอาจจะต้องกลายเป็นของใคร ผมจะได้ไม่ลืมเวลานี้
เวลาที่เคยมีโน่... เวลาที่เป็นเหมือนสมบัติชิ้นล้ำค่าในใจผม
"บางแสนมะ ใกล้ ๆ?"
"เดี๋ยวตอนเช้าพาไปส่งให้ทันสอบ... มาเร็ว!" หึหึ... หน้ามันเหวอตลกดีครับ โวยวายเสียงดังอย่างที่ผมคิดไว้เปี๊ยบ แต่โบราณว่าด้านได้อายอด ผมไม่สนใจหรอกว่าโน่จะโวยวายขนาดไหน เพราะหลังจากวันนี้ไป ก็ไม่รู้แล้วเหมือนกันว่าเราจะยังเหลือโอกาสกันอยู่อีกหรือเปล่า
เพราะแววเศร้าหมองในดวงตาโน่ แจ้งให้ผมรู้ดีว่าโน่มาทำไม..
หากหลังจากนี้จะมีอะไรเปลี่ยนไป.. ผมขอแค่โอกาสสุดท้าย.. ที่เราจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ
ตลอดทางบนรถ ถ้าแค่โน่หันมามองผมบ้าง โน่คงรู้ว่าผมกล้ำกลืนฝืนทนขนาดไหน กับคืนสุดท้ายที่กำลังจะผ่านพ้นไป
ที่ร้านอาหาร ถ้าแค่โน่เชื่อใจผมบ้าง โน่คงรู้ว่าถึงผมจะไม่สามารถลืมเอมได้ แต่ความคิดว่าจะทอดทิ้งโน่ไปไหน ก็ไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเช่นกัน
ในห้องคืนนั้น... ถ้าแค่โน่เห็นแก่ตัวกับคนอย่างผมบ้าง..
ถ้าแค่โน่เชื่อ.. และปล่อยเรื่องทั้งหมดให้ผมตัดสินใจ..
ผมพร้อมจะทิ้งความจริง ความดีงาม ความถูกต้องทุกอย่าง
ผมพร้อมเสมอ ที่จะกอดโน่ให้นานเท่าที่โน่ต้องการ
แต่โลกแห่งความจริงและความฝันก็เป็นแค่เส้นขนาน
ผมเหลือเพียงคืนนี้เท่านั้น... ที่ผมกับโน่จะไม่ใช่เพื่อนกัน
ผมไม่สามารถกอดโน่ได้นาน เท่าที่ผมต้องการ.. อีกต่อไป
ปุณณ์.
อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/hedfuc/story/viewlongc.php?id=436675&chapter=20#ixzz15oHLQxAq
Can you hear it. เสียงจากปุณณ์
"ปุณณ์! ช่วยดูงบชมรมเราให้หน่อยสิ นะ ๆๆ หายไปตั้งสองหมื่นกว่าแน่ะ จะบ้าตายอยู่แล้ว"
นี่คือการปรากฎตัวของโน่ที่เซอร์ไพร์สผมที่สุดในรอบหลาย ๆ ปี.. เรารู้จักกันก็จริงครับ แต่ไม่เคยมีเรื่องต้องคุยกันสองคนแบบนี้มาก่อน และแต่ละครั้งที่คุย ก็ไม่เคยมีประโยคไหนที่ยาวขนาดนี้มาก่อนเช่นกัน..
นึกถึงวันนั้นทีไรก็ยังอดยิ้มไม่ได้ เพราะปกติแล้ว หน้าขาว ๆ ของโน่ที่ผมเห็นประจำมักเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์เสมอ เดี๋ยวมันก็โวยวาย เดี๋ยวทำหน้ากวนตีน บางทีทำเหมือนกำลังวางแผนชั่วอะไรซักอย่างอยู่กับบรรดาเพื่อนของมัน หรือไม่ก็ทะเล้นทะลึ่งไปเรื่อย แต่วันนั้นแปลกหน่อยที่มันทำหน้าเดือดร้อนสุดชีวิตมาหาผมแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาต้องกลั้นขำ สารภาพก็ได้ครับว่าผมชอบแอบมองโน่บ่อย ๆ เพราะมันหลากหลายดี เห็นหน้ามันทีไรก็ผ่อนคลายอารมณ์จากเครียด ๆ ให้ได้หัวเราะขำทุกที
แต่สาบานได้ว่าถึงจะเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับโน่สักครั้ง เพราะโน่เป็นเพื่อน(ห่าง ๆ)ที่ร่าเริงของผมเสมอ ผมรู้ว่าโน่น่ะแมนเต็มร้อย เคยได้ยินว่ามีแฟนอยู่ที่เดียวกับแฟนผม แต่ไม่เคยรู้ว่าคนไหนเหมือนกัน ก็ได้แต่แอบคิดว่าเวลาเจ้านี่อยู่กับแฟนจะเป็นยังไง จะกวนตีนเหมือนเวลาอยู่โรงเรียนไหม (แฟนมันคงเครียดอะครับ) หรือที่จริงแล้วอาจจะสวีทหวานน้ำตาลขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยก็ได้.. ใครจะรู้
คำที่ผมต่อรองโน่ไปวันนั้นก็เกิดจากความบริสุทธิ์ใจล้วน ๆ เช่นกัน... ผมขอร้องมันโดยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่ง ทั้งผมและโน่ จะตกหลุมกันและกันจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น
Aim : ยูริออนแล้วเรียกด้วยจ้ะ พูดว่า:
ปุณณ์อย่าทิ้งเอมไปไหนนะ
แต่ความจริงไม่เคยมีอะไรง่ายอย่างที่ใจคิด.. ผมนิ่งมองข้อความนั้นที่ส่งผ่านโปรแกรม msn มาทางจอคอมพิวเตอร์ของผม ก่อนจะถอนหายใจยาว
ผมรู้สึกว่าปลายนิ้วชี้ตัวเองเคาะเม้าส์เบา ๆ เหมือนคนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทั้งที่จริง ๆ แล้วสมองว่างเปล่า... ไม่ใช่ว่าผมจะใจร้ายไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าพยายามคิดแล้วคิดอีกยังไงก็ไม่เคยเห็นทางออก จนกระทั่งเรื่องเดินทางมาจนถึงจุดนี้... ผมก็กลายเป็นเหมือนคนวิ่งหนีความจริงไปโดยปริยาย..
หลายครั้งผมทบทวนตัวเองจนไม่อยากเชื่อว่าทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง สิ่งที่ผมรู้สึกกับโน่คืออะไรกันแน่... ผมรักโน่งั้นเหรอ?... ผมไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะมอบสิ่งยิ่งใหญ่ขนาดนั้นให้เพื่อนที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ชีวิตผมแบบเต็ม ๆ เมื่อวันพุธได้
ผมไม่สามารถจำกัดความคำว่า 'รัก' ให้เจ้านั่นได้อย่างเต็มปาก... แต่ผมอยากมีมัน การมีโน่อยู่ข้าง ๆ ผมในระยะเวลา 1 อาทิตย์ที่ผ่านมากลายเป็นสมบัติที่มีค่ามาก ทุกครั้งที่ผมตื่นมาแล้วเห็นหน้าโน่หลับอยู่ข้าง ๆ ผมอดคิดไม่ได้ว่าในเช้าวันต่อ ๆ ไปก็ขอให้เป็นแบบนี้อีก... จนกระทั่งเราก้าวล้ำเส้นความเป็น 'เพื่อน' ระหว่างกัน
ผมรู้ว่ามันเชี่ยมากที่ทำอย่างนั้น ทั้งที่คนอย่างผมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นกับใครได้อีกแล้ว
ผมอยากเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรักเอมได้ตลอดรอดฝั่ง ผมอยากประคับประคองความสัมพันธ์ของผมกับเอมไว้ให้สมกับที่เธอไว้ใจ
แต่ผมกลับแพ้ภัยตัวเองอย่างร้ายกาจ
ผมโกหก... ที่พูดว่าบริสุทธิ์ใจตอนขอให้โน่แกล้งมาเป็นแฟนด้วย.. ผมโกหก..
ที่จริงแล้วผมดีใจมากที่เป็นโน่เข้ามาในช่วงเวลานั้นพอดี... โน่ที่เป็นเพื่อนห่าง ๆ ของผม โน่ที่เมื่อแปดปีก่อน เคยชักเย่อแข่งกับผมจนล้มระเนระนาดหัวเข่าถลอกกันทั้งคู่ โน่ที่เมื่อห้าปีก่อนเคยแสดงเป็นโหรคู่กับเจ้าเมืองซึ่งคือผมในงานสัปดาห์วันภาษาไทย โน่ที่เมื่อสองปีก่อนเคยถูกรถเก๋งลากมางานเลี้ยงวันเกิดบ้านผมด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ และพยายามพูดเพราะตลอดเวลาจนอดแอบมองไม่ได้ ว่ามันจะทำตัวเปิ่น ๆ อะไรในงานบ้างหรือเปล่า...
โน่คนที่ผมคิดเสมอว่าถ้าเจอเด็กผู้หญิงแบบนี้คงจะดีไม่น้อย... ผมคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าอยากให้เอมสดใสได้เท่าโน่ ถึงจะโวยวายกระโชกโฮกฮากทำตัวนักเลงโตไปบ้าง แต่ดวงตากลมแป๋วนั้นก็ฉายแววเป็นมิตร และความจริงใจอยู่เต็มเปี่ยม
ผมท้าทายตัวเองด้วยการขอร้องคนที่ผมสนใจเป็นพิเศษมาตลอดให้แกล้งเป็นแฟนผมให้ โดยปลอบใจตัวเองว่าถึงยังไงโน่มันก็เป็นผู้ชาย ถึงจะน่ารักน่าเอ็นดูยังไง ผมก็คงไม่มีทางคิดอะไรแปลก ๆ กับเจ้านี่ได้เด็ดขาด
แต่ยิ่งนานวัน ผมก็ยิ่งรู้ว่าผมประเมินค่าตัวเองสูงไป.... ใจผมไม่ได้แข็งเท่าที่คิดเลย..
โทรศัพท์เครื่องสีดำตั้งเงียบ ๆ อยู่ตรงหน้า เช่นเดียวกับผมที่ยังคงเงียบ.. ไม่ได้ตอบอะไรเอมกลับไปในหน้าต่าง msn บานนั้น
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรไปแล้ว.. เพราะถ้าเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนผมคงพิมพ์ตอบเอมกลับไปด้วยความยินดีว่าไม่ว่าวันไหนผมก็จะไม่มีวันทิ้งเธอ... แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่ามือแข็งเป็นหิน ไม่สามารถตอบอะไรเพื่อทำให้ตัวเองดูดีได้เลยจริง ๆ
เพราะผมรู้อยู่แก่ใจว่าผมมันเลวแค่ไหน..
นิ้วชี้ผมเลื่อนจากเม้าส์ที่จับอยู่ไปจิ้มยังปุ่มเบอร์โทรออกล่าสุดที่เพิ่งพยายามกดหาไปเมื่อหัวค่ำ แต่ก็ตัดสินใจวางสายก่อนเสียงสัญญาณจะดัง เพราะผมไม่ค่อยแน่ใจว่าโทรไปหาแล้วจะคุยอะไร (ถ้าถามว่าเจ็บไหมก็คงโดนมันด่ากลับ)... แล้วเจ้าตัวจะยินดีคุยกับผมอยู่รึเปล่า
แต่นิ้วมือก็ไปได้ไวกว่าความคิด เมื่อมันกดโทรออกทันที ผมกดเปิดลำโพงโทรศัพท์ ได้ยินเสียงสัญญาณดังเพียงไม่นาน อีกฝ่ายก็รับสายด้วยน้ำเสียงนักเลงตามแบบฉบับมัน
"โทรมาไม กูอยู่หน้าห้องมึง......."
ผมแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเปิดประตูออกไปพบว่าโน่ยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ.. โลกของผมหยุดนิ่ง เพราะหลังจากนั้นไอ้คนท่าทางกวนตีนตรงหน้าจะทักทายด้วยคำว่าอะไรผมไม่สนแล้ว สิ่งเดียวที่ร้องก้องอยู่ในหัวผมตอนนี้คือ
ผมอยากมีโน่
อยากให้โน่อยู่ข้าง ๆ ผมต่อไป
ไม่ต้องถึงกับตลอดชีวิตก็ได้
ขอแค่ในเวลานี้ ที่เรายังรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
ผมอยากเก็บรักษาช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้ลึกที่สุด
เผื่อว่าวันหนึ่ง วันที่ผมอาจจะต้องกลายเป็นของใคร ผมจะได้ไม่ลืมเวลานี้
เวลาที่เคยมีโน่... เวลาที่เป็นเหมือนสมบัติชิ้นล้ำค่าในใจผม
"บางแสนมะ ใกล้ ๆ?"
"เดี๋ยวตอนเช้าพาไปส่งให้ทันสอบ... มาเร็ว!" หึหึ... หน้ามันเหวอตลกดีครับ โวยวายเสียงดังอย่างที่ผมคิดไว้เปี๊ยบ แต่โบราณว่าด้านได้อายอด ผมไม่สนใจหรอกว่าโน่จะโวยวายขนาดไหน เพราะหลังจากวันนี้ไป ก็ไม่รู้แล้วเหมือนกันว่าเราจะยังเหลือโอกาสกันอยู่อีกหรือเปล่า
เพราะแววเศร้าหมองในดวงตาโน่ แจ้งให้ผมรู้ดีว่าโน่มาทำไม..
หากหลังจากนี้จะมีอะไรเปลี่ยนไป.. ผมขอแค่โอกาสสุดท้าย.. ที่เราจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ
ตลอดทางบนรถ ถ้าแค่โน่หันมามองผมบ้าง โน่คงรู้ว่าผมกล้ำกลืนฝืนทนขนาดไหน กับคืนสุดท้ายที่กำลังจะผ่านพ้นไป
ที่ร้านอาหาร ถ้าแค่โน่เชื่อใจผมบ้าง โน่คงรู้ว่าถึงผมจะไม่สามารถลืมเอมได้ แต่ความคิดว่าจะทอดทิ้งโน่ไปไหน ก็ไม่เคยมีอยู่ในหัวผมเช่นกัน
ในห้องคืนนั้น... ถ้าแค่โน่เห็นแก่ตัวกับคนอย่างผมบ้าง..
ถ้าแค่โน่เชื่อ.. และปล่อยเรื่องทั้งหมดให้ผมตัดสินใจ..
ผมพร้อมจะทิ้งความจริง ความดีงาม ความถูกต้องทุกอย่าง
ผมพร้อมเสมอ ที่จะกอดโน่ให้นานเท่าที่โน่ต้องการ
แต่โลกแห่งความจริงและความฝันก็เป็นแค่เส้นขนาน
ผมเหลือเพียงคืนนี้เท่านั้น... ที่ผมกับโน่จะไม่ใช่เพื่อนกัน
ผมไม่สามารถกอดโน่ได้นาน เท่าที่ผมต้องการ.. อีกต่อไป
ปุณณ์.
อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/hedfuc/story/viewlongc.php?id=436675&chapter=20#ixzz15oHLQxAq
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น