วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นิยาย ชุลมุนหนุ่มกางเกงน้ำเงิน 17

17th CHAOS
            "ขอร้องนะโน่... เอมเครียดมาก... ช่วยบอกยูได้ไหมว่าเมื่อวานปุณณ์นอนกับใคร"
            คำ ๆ นี้ยังวนเวียนไปมาในหัวผมไม่ยอมหยุด... แม้จะกลับมาถึงบ้าน ลองเอามือก่ายหน้าผากอย่างที่เห็นพระเอกในทีวีเขาทำกัน แต่ไอ้ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวก็ยังไม่หาย..

            "หมู่นี้ปุณณ์กับโน่ชอบหายไปติดต่อไม่ได้บ่อย ๆ เอมเขาเครียดมากรู้มั้ย... ส่วนยูไม่เป็นไรหรอก แต่ยูเป็นห่วงเพื่อน"

           
"โน่ไม่บอกยูว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เป็นไร... แต่ช่วยบอกปุณณ์ได้ไหมว่าเอมเสียใจมาก บอกให้เขาไม่ทำแบบนั้นอีกได้ไหม... ปุณณ์กับเอมเป็นแฟนกันนะ ทำไมมีอะไรปุณณ์ไม่มาหาเอม ทำไมต้องไปหาผู้หญิงอื่น ปุณณ์เห็นเอมเป็นอะไรไปแล้ว"

            สองตาของผมหลับสนิทราวกับต้องการหลีกหนีจากความจริง... แต่จะให้ผมหนีมันพ้นได้ยังไง ในเมื่อความจริงเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมกำลังมองเห็น แต่เป็นถ้อยคำที่ก้องดังในหัวผมตลอดเวลาต่างหาก

            "ถุงยางที่ปุณณ์เคยพกไว้ในกระเป๋าสตางค์หายไป... โน่... ปุณณ์กับเอมเขาไม่เหมือนพวกเรานะ... เขาเป็นของกันและกันแล้ว... ปุณณ์จะทำเหมือนผู้หญิงเราเป็นของเล่นแบบนี้ไม่ได้ ยูไม่ยอม"

            "แม่งเอ๊ย
!!!!!!!!!!!!!!"
ผมสบถกับตัวเองเสียงลั่นพลางปาหมอนที่หนุนอยู่จนกระแทกอีกฝั่งห้อง หวังให้เสียงนั้นดังกลบถ้อยคำของยูริ ที่ยังคงย้อนวนไปวนมาราวกับมีใครกรอเทปซ้ำ ๆ ให้ผมฟังในหัว

            ผมไม่ได้โกรธยูริที่เอาเรื่องพวกนี้มาขอร้อง ไม่ได้โกรธเอมที่เสียใจนั่งร้องไห้ฟูมฟาย ไม่ได้โกรธแม้กระทั่งปุณณ์ ที่เคยมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเอม

            ที่ผมรู้สึกคือ ผมเกลียดตัวเอง เป็นเพราะผมเองที่ทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบชั่วดีน่ะมันตัวผมเอง

            "เหี้ย....." เสียงก่นด่าตัวเองดังขึ้นอีกครั้งขณะที่ผมเดินสะเปะสะปะไปรอบห้อง คว้าเอาข้าวของเครื่องใช้จำเป็นทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าเป้โรงเรียนใบสีดำหม่น


            มันจะต้องจบ.. ไม่ว่าด้วยอะไรก็ตาม..

***


            ในรอบ
7 วัน ผมโผล่มาบ้านหลังนี้เกิน 8 ครั้งรึยังวะ.. ผมคิดพลางแหงนมองบ้านหลังใหญ่ตระหง่านอยู่ตรงหน้า ก่อนจะสูดหายใจเฮือกหนึ่งแล้วตัดสินใจกดออดลงไป

            เป็นป้าน้อยเช่นเคยที่กุลีกุจอรีบวิ่งมาเปิดประตูให้ผม เธอคลี่ยิ้มอ่อนโยนพลางอาสาช่วยถือเป้เข้าบ้านอย่างแข็งขัน แต่ขืนผมปล่อยให้คนแก่ถือของให้ก็อย่าเรียกว่าผู้ชายเลยครับ ขอผมถือเองดีกว่า
^^"

            ป้าน้อยถอนหายใจยาวเพราะผมดื้อไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากแก ก่อนจะบอกว่า "คุณปุณณ์อยู่บนห้องแหละค่ะคุณโน่ ขึ้นไปได้เลย เดี๋ยวป้าไปเรียนคุณแป้งให้เองว่าคุณโน่มา" เอ๊ะ... แล้วทำไมต้องบอกแป้งด้วยล่ะป้า -_-"... เออ ผมเกือบลืมไป ว่าทุก ๆ ครั้งที่มาบ้านหลังนี้ ผมมาในฐานะอะไร

            ทุเรศตัวเองจริง ๆ... กะอีแค่เงินสองหมื่นบาทต้องเป็นจุดกำเนิดเรื่องเหี้ย ๆ พวกนี้เลยรึไง


            เป้ปักสัญลักษณ์ตราโล่ (ไม่ได้ใช้ตั้งแต่ขึ้นม.
3 แล้ว) ถูกลากผ่านไม้ปาร์เก้เนื้อดีจนถึงหน้าประตูห้องที่ผมคุ้นเคย... ไอเย็นพวยพุ่งจากใต้ประตูบานนั้นบ่งบอกว่าเจ้าของห้องหมกตัวเปิดแอร์อยู่ตามปกติ ไม่ได้ผิดจากที่คิดแม้แต่น้อย

            แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เคาะประตูเรียกลงไปดี เสียงโทรศัพท์มือถือกลับดังขึ้นก่อน

           
'ใครจะไปดีได้ทุกชั่วโมง ก็เรามันคนไม่ใช่ละครทีวี~'

          ไอ้ห่านี่สงสัยจะมีพลังจิต...
         
"โทรมาไม กูอยู่หน้าห้องมึง......." สั้น ง่าย ได้ใจความ... เล่นเอาปลายสายถึงกับรีบกดวางหูไป ก่อนจะกระชากประตูห้องตัวเองทันที "เฮ้ย!?"

            "ตกใจไร เชี่ย... มึงดูหนังโป๊อยู่เหรอ" ผมไม่สนใจใบหน้าอันหรอหราของมันแต่กลับเดินผ่านปุณณ์เข้าไปข้างในหน้าตาเฉย จัดแจงโยนเป้โรงเรียนกองไว้มุมห้อง แล้วสาวเท้าไปหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างไว้อยู่

            ผมทำเป็นแซวแก้เซ็งไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ มันเปิด
msn อยู่... ทันทีที่ผมล้มตัวนั่งบนเก้าอี้ ก็เห็นเอมกำลังพิมอะไรบางอย่างผ่านทางโปรแกรมแชทนี้มาพอดี

           
Aim : ยูริออนแล้วเรียกด้วยจ้ะ พูดว่า:
              ปุณณ์ยังรักเอมอยู่ใช่ไหมคะ
?

            ตัวอักษรสีชมพูนั้นบาดลึกลงไปถึงกลางใจผม แต่กลับต้องพยายามฝืนหัวเราะให้.. น่าขำที่เอมช่างถามอะไรเพี้ยน ๆ ไปได้....... เพราะถ้าปุณณ์ไม่ได้รักเอมจะให้ไปรักใคร...

            ผมยอมรับว่าในเวลานี้ การจะยิ้มแต่ละทีมันช่างยากลำบากเหลือเกิน

            ภาพดิสเพลย์ของเอมเป็นรูปทั้งคู่ถ่ายด้วยกันโชว์หรา ราวกับจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขารักกันขนาดไหน ผมจ้องมองภาพนั้นพักหนึ่งแล้วกลับมาพิจารณาตัวเองว่าเราเป็นใคร.. ก่อนจะตัดสินใจพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ เพื่อบอกอะไรเอมบางอย่าง..

           
SuperPunn พูดว่า:
              อยู่แล้ว


            "เฮ้ยโน่
!!!! นี่มันอะไรวะ!!?" เสียงไอ้ปุณณ์โวยวายดังจากมุมห้องทำเอาผมสะดุ้งเฮือกจนต้องรีบหันกลับไปมอง เห็นมันกำลังยกกระเป๋าเป้ผมมาพลิกดูไปมาอย่างพิจารณาอยู่

            "ผ้าอาบน้ำฝนมั้ง... ห่า.." ถามมาได้ ตาก็ไม่บอด... ผมด่ามันพลางหันกลับมาจะเล่น
msn ต่อ.. ตอนนี้ผมจัดการ log off เมลล์มันและ log in เมลล์ผมแทนเรียบร้อยแล้ว ส่วนไอ้เรื่องขออนุญาตเจ้าของก่อนน่ะฝันไปเถอะ!

           
'โป๊ก!!'
            "โอ๊ย
!!!!!!!" แม่งเคาะหัว!!!!!

            "ถามดี ๆ เสือกตอบกวนตีน.... นั่น.. sign out เมลล์กูอีก... ตกลงมึงเอากระเป๋ามาทำไม จะหนีตามกูรึไง" แต่กูว่ามึงกวนตีนกว่า... ผมคิดในใจพลางลูบหัวที่โดนเคาะอย่างเคือง ๆ "เออ พากูไปที่ไหนก็ได้"

            "เอาจริงปะ..." ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่งเชื่องมาก เพราะทันทีที่ผมพูดจบ ปุณณ์ก็เอื้อมมาหยิบกุญแจรถที่แขวนอยู่เหนือโต๊ะคอมอย่างไว จนผมต้องรีบฉกกลับมาไว้ในมือตัวเองก่อน "เฮ้ย
! บ้าจี้จังวะ พูดเล่น!"

            "ก็ถ้าอยากไปจะพาไปไง บางแสนมะ ใกล้ ๆ
?" ปุณณ์ทำท่าคิดหนัก แต่ผมนั้นหนักใจมากกว่า ไม่คิดว่าแม่งจะบ้าจี้ขนาดนี้ "ตลก ๆๆ ไปได้ที่ไหน พรุ่งนี้บราเดอร์ศักดาเทสต์ย่อยห้องกู"

            แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั้น กลายเป็นรอยยิ้มจากปุณณ์ มันยิ้มไม่พอยังยักคิ้วให้ผมอีก ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมกันหนาวจากตู้เสื้อผ้าออกมาสองตัว "เดี๋ยวตอนเช้าพาไปส่งให้ทันสอบ... มาเร็ว
!"

            ปุณณ์ไม่พูดเปล่ายังแบกเอาเป้ผมขึ้นหลังแล้วลากแขนให้ตามออกไปอีก อย่างงี้ไม่ให้โวยวายยังไงไหวล่ะวะ "เฮ้ย
!!! ปิดคอม ปิดแอร์ ปิดไฟก่อน!" แน่นอนว่ามันไม่เห็นสนใจฟัง

            "เดี๋ยวก็มีคนมาปิดให้เองแหละน่า..." ไอ้คนขี้บังคับพูดพลางเดินผิวปากนำผมไปอย่างอารมณ์ดี ขณะที่มืออีกข้างก็ยังลากข้อมือผมไปด้วยไม่ยอมปล่อย ผมเห็นไอ้ปุณณ์ยิ้มร่ามากขึ้นเมื่อลงบันไดมาเจอป้าน้อยงก ๆ เงิ่น ๆ เดินผ่าน "ป้าน้อย ผมออกไปเที่ยวกับโน่นะ"

            แต่ยังไม่ทันที่ป้าน้อยจะตอบอะไรดี ก็มีใบหน้าซุกซนโผล่มาจากด้านหลังป้าน้อยเสียก่อน

            "ไปไหนอะพี่ปุณณ์
!!!" -_-"..... น้องแป้งครับ โผล่มาจากไหน (ตกใจหมด นึกว่าผี) ดึกแล้วทำไมไม่นอน (เดี๋ยวตีเลย) -_-" ถึงตอนนี้ผมจะมีความสัมพันธ์กับปุณณ์อย่างที่น้องแป้งหวังเรียบร้อยแล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ แม่งยังไม่ชินแหะ..

            "พาพี่โน่ไปเที่ยวน่ะ ไว้จะซื้อขนมมาฝากนะ" ปุณณ์ตอบน้องมันพลางขยี้หัวอย่างเอ็นดู ถ้าเป็นผมคงต่อยพี่ชายคว่ำไปแล้ว (เล่นหัวอยู่ได้) แต่น้องแป้งกลับยิ้มกว้างงง จนผมผวาวาบเพราะพอจะรู้ว่าเธอคิดอะไร
-_-"

            "อื้อ... ดูแลพี่โน่ดี ๆ นะ" ห้ามบ้างไรบ้างก็ได้ครับแป้ง
!! พรุ่งนี้พวกพี่มีเรียนนะ!!!

            แน่นอนว่าเมื่อไร้คนขัดใจแล้ว ไอ้ปุณณ์ก็ลากผมเดินผิวปากไปอย่างสบายใจยิ่งกว่าเดิม
TT___TT



            ปุณณ์พาผมมาจนถึงรถเก๋ง
2 ประตูของมัน แล้วส่งเสื้อคลุมกันหนาวให้ตัวนึง "อะ เอาไปคลุม เดี๋ยวสารวัตนักเรียนจับหวะ" มันพูดติดตลกเพราะตอนนี้ผมยังใส่ชุดนักเรียน โชว์กางเกงสีน้ำเงินหราอยู่เลย "เออไอ้สัด ให้กูเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ไม่ได้"

            มันหัวเราะรับคำบ่นนั้นพลางเอื้อมมือจะเปิดประตูให้นั่ง แต่อย่าหวังว่าไอ้โน่จะยอม (เหอ ๆๆ) ผมคว้าประตูได้ก่อนมันก็เปิดเข้าไปนั่งเองเลย แว่วยินเสียงไอ้ปุณณ์หัวเราะขำ (ขำเชี่ยไรของมัน) ก่อนจะวนไปนั่งทางฝั่งคนขับเองบ้าง "มึงนั่นแหละ มาหากูจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ไม่ได้เนอะ"


            ผมฟังประโยคนั้นแล้วก็ได้แต่เงียบ...
            จริงของมัน........ ผมรีบจริง ๆ นั่นแหละ.... สำหรับผม วันนี้ผมอยากใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุด..


            ปุณณ์สตาร์ทรถพลางมองหน้าผมล้อ ๆ "คิดถึงรึไงครับ"

            "............................." ผมนิ่ง ไม่ได้ตอบคำถาม.. หรือถึงอยากพูดอะไรตอบก็คงไม่ทัน เมื่อท่อนแขนแกร่งพาดมาโอบรั้งไหล่ผมไว้ ให้เข้าไปใกล้เจ้าของแขนท่อนนั้นเสียก่อน

            ปุณณ์ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากผมแน่นราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่ปุณณ์มีผ่านมาทางจูบนี้.. "คิดถึงจังเลย วันนี้ไม่เห็นเจอ แวะไปหาที่ชมรมก็ไม่อยู่"

            "ไปมาตอนไหนวะ" ผมเบี่ยงหน้าหลบมันนิดหน่อย แต่อีกฝ่ายยังคงตามมาหอมแก้มได้ไม่ยอมหยุด "ตอนเย็น... ไปแล้วเจอแต่น้องม.
4 หน้าตี๋ ๆ บอกว่าถูกโน่ใช้เฝ้าห้องชมรม"

            "ไอ้เป้อ... น่ะ.." ผมตอบพลางผลุบสายตาลงต่ำ.... เพราะรู้ตัวเองดีว่าตอนเย็นที่หายไปนั้น ผมออกไปทำไม และคุยเรื่องอะไร....

            ปลายจมูกโด่งของปุณณ์คลอเคลียไปเรื่อยเช่นเดียวกับริมฝีปาก จนสุดท้ายมาหยุดตรงปากผมเนิ่นนาน.... นานจนต้องผลักออก "จะไปมั้ย บางแสน..."

            "เออว่ะ.. อยู่กันแบบนี้ต้องไม่ได้ไปไหนแน่เลย" มันว่าพลางขำ ก่อนจะปล่อยให้ผมเขยิบตัวกลับมานั่งข้างเบาะคนขับได้อย่างอิสระเหมือนเดิม

            "แล้วเดินไปเดินมานี่ไม่เจ็บแล้วรึไง หึ๊
?" เสียงปุณณ์ถามขึ้นอีกครั้งเมื่อจอดรถรอเลี้ยวออกจากซอยหน้าถนนทองหล่อ ผมยักคิ้วให้กับคำถามนั้นเรียบ ๆ "ก็ดีขึ้นเยอะ ขืนนอนเฉย ๆ ทั้งวันมีหวังง่อยแดก.. มึงอะ"

            "ยาแก้ปวดช่วยได้..." ปุณณ์พูดพลางหัวเราะหึหึจนผมต้องหัวเราะตาม มันยื่นมือมาคว้ามือผมไปจับไว้บนเกียร์พลางใช้นิ้วชี้เขี่ยหลังมือผมเล่นช้า ๆ

            "เอ... งั้นคืนนี้ก็ต่อได้แล้วสิ" ทำเสียงซะแอ๊บแบ๊ว แต่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ดีว่าไอ้ห่านี่ทำหน้าหื่นแบบไหนอยู่


            ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นแสงไฟสีส้มเรียงแถวเป็นแนวยาวตลอดสองข้างทาง


            "อืม...."


อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/hedfuc/story/viewlongc.php?id=436675&chapter=17#ixzz15oGeWvQl

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น